วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2553


จากสมการ (4) จะเห็นว่าแรงดันไฟฟ้าทางขดทุติยภูมิ จะขึ้นอยู่กับอัตราส่วนจำนวนรอบของขดลวดทุติยภูมิและขดปฐมภูมิ โดยถ้าเราพันขดลวดทุติยภูมิให้มีจำนวนรอบมากกว่าขดปฐมภูมิ แรงดันไฟฟ้าขาออกทางขดทุติยภูมิก็จะสูงกว่าแรงดันไฟฟ้าที่จ่ายเข้ามาทางขดปฐมภูมิ เราเรียกว่าเป็นหม้อแปลงชนิดแปลงแรงดันขึ้น (Step Up Transformer) แต่ถ้าเราพันขดทุติยภูมิให้มีจำนวนรอบน้อยกว่าขดปฐมภูมิ แรงดันไฟฟ้าทางขดทุติยภูมิก็จะต่ำกว่าแรงดันที่จ่ายเข้ามาทางขดปฐมภูมิ เราเรียกว่าเป็นหม้อแปลงชนิดแปลงแรงดันลงขึ้น (Step Down Transformer) โดย ถ้าให้ Ip เป็นกระแสไฟฟ้าทางขดปฐมภูมิ Is เป็นกระแสไฟฟ้าทางขดทุติยภูมิ

จากสมการ (5) เราสามารถตีความหมายได้ดังนี้ คือ 1. ถ้าโหลดมีการดึงกระแสทางขดทุติยภูมิมากขึ้น กระแสไฟฟ้าทางขดปฐมภูมิก็จะสูงขึ้นด้วย 2.ในกรณีเป็นหม้อแปลงชนิดแปลงขึ้น คือ Ns > Np กระแสทางขดทุติยภูมิ(Is) ก็จะน้อยกว่าค่ากระแสทางขดปฐมภูมิ(Ip) ซึ่งหมายถึง ขนาดของลวดที่ใช้พันขดทุติยภูมิจะมีขนาดเล็กกว่า ขนาดของขดปฐมภูมิ 3. แต่ถ้าเป็นหม้อแปลงชนิดแปลงลง คือ Ns <>


. มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟส แบบอินดักชั่น มอเตอร์ไฟสลับ 3 ที่มีคุณสมบัติที่ดี คือมีความเร็วรอบคงทีเนื่องจากความเร็วรอบอินดักชั่นมอเตอร์ขึ้นอยู่กับความถี่ี่(Frequency)ของแหล่งกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับมีราคาถูกโครงสร้างไม่ซับซ้อน สะดวกในการบำรุงรักษาเพราะไม่มีคอมมิวเตเตอร์และแปรงถ่านเหมือนมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงมื่อใช้ร่วมกับเครื่องควบคุมความเร็วแบบอินเวอร์เตอร์ (Invertor) สามารถควบคุมความเร็ว (Speed) ได้ตั้งแต่ศูนย์จนถึงความเร็วตามพิกัดของมอเตอร์นิยมใช้กันมาก เป็นต้น กำลังในโรงงานอุตสาหกรรม ขับเคลื่อนลิฟท์ขับเคลื่อนสายพานลำเลียง ขับเคลื่อนเครื่องจักรไฟฟ้า เช่น เครื่องไส เครื่องกลึงมอเตอร์อินดักชั่นมี 2 แบบ



มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟสแบ่งออกตามโครงสร้างและหลักการทำงานของมอเตอร์ได้ 2 แบบ คือ 1. มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟส แบบอินดักชั่น (3 Phase Induction Motor) 2. มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟส แบบซิงโครนัส (3 Phase Synchronous Motor)








ฟลักซ์แม่เหล็กไฟฟ้า
ฟลักซ์แม่เหล็ก คือ ปริมาณเส้นแรงแม่เหล็ก หรือจำนวนของเส้น แรงแม่เหล็ก ใช้สัญลักษณ์ ความเข้มสนามแม่เหล็ก (B) หมายถึง จำนวนเส้นแรงแม่เหล็กต่อ หน่วยพื้นที่ที่เส้นแรงแม่เหล็กตกตั้งฉาก
B = ความเข้มของสนามแม่เหล็ก มีหน่วยเป็น Tesla(T)หรือ Wb/m2
= ฟลักซ์แม่เหล็ก มีหน่วยเป็น Weber (Wb)
A = พื้นที่ที่ตกตั้งฉาก มีหน่วยเป็น ตารางเมตร (m2)








สภาวะแม่เหล็กไฟฟ้าและการประยุกต์
สนามแม่เหล็ก
•รอบๆ แท่งแม่เหล็ก มีสนามแม่เหล็ก ซึ่งสามารถตรวจพบได้โดยใช้เข็มทิศ•ในทางไฟฟ้า สามารถพบขั้วไฟฟ้าอยู่ได้อย่างเดี่ยวๆ แต่สำหรับแม่เหล็ก ไม่สามารถพบขั้วแม่เหล็กอยู่เดี่ยวๆ ได้•สนามแม่เหล็กสามารถทำให้ประจุไฟฟ้ามีการเคลื่อนที่ นั่นคือ ถ้าอนุภาคมีประจุ q วิ่งด้วยความเร็ว v ผ่านสนามแม่เหล็ก B จะเกิดแรงกระทำ F ซึ่ง



แหล่งกำเนิดสนามแม่เหล็กสามารถผลิตสนามแม่เหล็กได้มาจากการมีประจุเคลื่อนที่ (หรือการเกิดกระแสไฟฟ้า) ภายในแหล่งกำเนิดนั้นๆ โดยไม่เกิดการหักล้างกัน







•สนามแม่เหล็กโลกน่าจะเกิดจากชั้นของเหลวร้อนจัดและมีประจุในสถานะพลาสมามีการเคลื่อนที่ไปพร้อมๆ กันตามทิศการหมุนของโลกจากตะวันตกไปตะวันออก•ขั้วใต้จึงมีสนามแม่เหล็กพุ่งออก และขั้วเหนือจึงมีสนามแม่เหล็กพุ่งเข้า